วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2561


บันทึกการเรียนครั้งที่ 8

 วันพุธ ที่ 7 มีนาคม 2561

เวลา 08.30-11.30 น.

เนื้อหา

- นำเสนอคำคมเกี่ยวกับผู้บริหาร
-นำเสนอวิจัยเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษา


ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาการวิจัย
ประเด็นที่ 1 ระบบการบริหารงานทั้งภาครัฐและเอกชนเกิดความไม่สอดคล้องและทันต่อความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคโลกาภิวัตน์
ประเด็นที่ 2 ผู้บริหารขาดทักษะความรู้ความเข้าใจในหลักการบริหาร
ประเด็นที่ 3 ความสามารถของผู้บริหารในการนําหลักธรรมาภิบาล ประยุกต์ใช้ในการบริหารงาน
ประเด็นที่ 4 ความสำคัญของการบริหารเป็นเครื่องมือที่ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จขององค์กร
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
  ๑ เพื่อศึกษากระบวนการ การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
  ๒ เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูและผู้บริหารต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์โดยจําแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
  ๓ เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
  ๑ ทําให้ได้ทราบถึงกระบวนการการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
  ๒ ทําให้ได้ทราบถึงความคิดเห็นต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์โดยจําแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
  ๓ ทําให้ได้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
  การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์เฉพาะผู้บริหารและครูผู้สอนในสถานศึกษาเขตอําเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์
  ขอบเขตด้านเนื้อหา เนื้อหาของการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารและครูในสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์ทั้ง ๖ ด้านหลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า
ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย 
  ขอบเขตด้านระยะเวลา ระยะเวลาในการดําเนินการวิจัย ตั้งแต่ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงเดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมระยะเวลา ๗ เดือน
  สมมุติฐานการวิจัย
๑ ผู้บริหารและครูผู้สอนที่มีเพศต่างกันมีระดับความคิดเห็นต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์แตกต่างกัน
๒ ผู้บริหารและครูผู้สอนที่มีอายุต่างกันมีระดับความคิดเห็นต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์แตกต่างกัน
๓ ผู้บริหารและครูผู้สอนที่มีระดับการศึกษาต่างกันมีระดับความคิดเห็นต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์แตกต่างกัน
๔ ผู้บริหารและครูผู้สอนที่มีตําแหน่งต่างกันมีระดับความคิดเห็นต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์แตกต่างกัน
๕ ผู้บริหารและครูผู้สอนที่มีระยะเวลาในการดํารงตําแหน่งต่างกันมีระดับความคิดเห็นต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์ แตกต่างกัน
งานวิจัยนี้นำแนวคิดทฤษฏีทางการบริหารใดมาใช้
•เทเลอร์ (Frederick W Taylor) บิดาแห่งการบริหารหลักเกณฑ์การบริหารซึ่งมีพื้นฐานอยู่ในหลักการ (Principles) ที่สําคัญ ๔ ประการ
•ทฤษฎีการบริหารของเฮนรีฟาโย หน้าที่ทาง การบริหาร ๕ ประการ
•วิลเลียม โอชิ(William Ouchi) ทฤษฎีZ
•ลูเธอร์ กูลิค (Luther Gulick) POSDCORB Model
ฟาโย (Fayol) หลักการในการบริหารจัดการขึ้น ๑๔ ประก
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
แบบสอบถาม มี ๓ ตอน
ตอนที่ ๑ แบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา เงินเดือน ประสบการณ์ทํางาน ขนาดของสถานศึกษา ซึ่ง เป็นแบบสอบถามแบบเลือกตอบ (Check List)
 ตอนที่ ๒ แบบสอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนตามหลักธรรมาภิบาล ต่อการจัดการศึกษาตามขอบข่ายการบริหารงานของโรงเรียน
ตอนที่ ๓ แบบสอบถามความคิดเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงาน สถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนตามหลักธรรมาภิบาลทั้ง๖ด้าน
การดำเนินการวิจัย
1.ศึกษาหลักการทฤษฎีการการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลจากเอกสาร และผลงานการวิจัยที่เคยมีผู้ดําเนินการวิจัยเอาไว้
2.กําหนดกรอบ แนวคิดในการสร้างเครื่องมือการวิจัย
3.กําหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างเครื่องมือการวิจัย โดยขอคําปรึกษาจากอาจารย์ที่ ปรึกษาวิทยานิพนธ์
4.สร้างเครื่องมือ
5.เสนอร่างเครื่องมือการวิจัยกับอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไข
6. นําเครื่องมือการวิจัยไปทดลองใช้กับประชากรที่มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่จะดําเนินการวิจัยเพื่อหาสัมประสิทธิ์ความเที่ยงของเครื่องมือ
7. ปรับปรุงแก้ไข
8.จัดพิมพ์เครื่องมือฉบับสมบูรณ์
สรุปผลการวิจัย
๑ ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรร มาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
* จากผลการวิจัย พบว่า ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนต่อการบริหารสถานศึกษา ตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากทุก ด้าน อันเนื่องมาจากผู้บริหารและครูผู้สอนมีความเข้าใจในหลักธรรมาภิบาล ในการบริหารงานและ การทํางานในหน่วยงาน
.๒ การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนมีความคิดเห็นต่อการ บริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผูบริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์จําแนก ตามปัจจัยส่วนบุคคล ด้าน เพศ, อายุ, ระดับการศึกษา, ตําแหน่ง, และระยะเวลาในการดํารงตําแหน่ง
* พบว่า ผู้บริหารและครูผู้สอนที่มีเพศ, อายุ, ตําแหน่งปัจจุบัน และระยะเวลาในการดํารงตําแหน่งต่างกัน มีความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหาร สถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน
สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย
  ในการนำหลักธรรมาภิบาลไปปรับใช้ผู้บริหารควรมีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตนตามหลักธรรมาภิบาลทั้ง ๖ ด้านคือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่าให้ได้เสียก่อน จากนั้นผู้บริหารควรสร้างความเข้าใจให้แก่บุคลากรและการปฏิบัติตนในการทํางานในหน่วยงานเช่นเดียวกัน

การประยุต์ใช้
     นำไปปรับใช้ได้จริงในารทำงานในอนาคต เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

การประเมินผล
ประเมินตนเอง   ตั้งใจเรียน จดบันทึกตามที่อาจารย์สอน
ประเมินเพื่อน   เพื่อนๆให้ความสนใจในเนื้อหาที่เรียน 
ประเมินครูผู้สอน   อธิบายฟังเข้าใจง่าย มีการยกตัวอย่างให้นักศึกษาฟังเสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น